การรักษาผื่นคัน
วิธีแก้ผื่นคันนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของผื่นคัน โดยทั่วไปแล้วแพทย์อาจให้การรักษาเบื้องต้นดังนี้
- รับประทานยาแก้แพ้ แก้คัน (Antihistamine) หรือรับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid)
- ทายาบรรเทาอาการคัน เช่น ยาทาแก้ผื่นคัน ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาทากลุ่มที่มีเมนทอล (Menthol) เป็นส่วนผสมเพื่อลดอาการคัน ทั้งนี้การเลือกใช้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากการเลือกใช้ยาอาจแตกต่างกันตามลักษณะอาการหรือตามบริเวณที่เป็น รวมถึงชนิดผิวหนังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- หากมีอาการผิวแห้งมากเกิดการระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงให้ความชุ่มชื้นผิว ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รักษายังไงได้บ้าง
รักษาด้วยยา
การรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แพทย์มักจะใช้ยาชนิดต้านฮีสตามีน เพื่อลดอาการคันบนผิวหนัง หรือจ่ายยาชนิดทา ซึ่งเป็นยาสเตียรอยด์ที่ช่วยลดการอักเสบของผื่นบนผิวหนัง ซึ่งการใช้ยารักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังควรต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากการรักษาค่อนข้างใช้เวลานาน หากใช้ยาไม่ถูกต้องอาจก่อใ้ห้เกิดอาการข้างเคียงได้
ทว่าหากมีตุ่มหนองเกิดแทรกซ้อนบนตุ่มหรือผื่นแดง แสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะก็ควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์ด้วยเช่นกัน
การฉายแสง
ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก และเป็นผื่นคันบริเวณกว้าง (ทั่วร่างกาย) แพทย์อาจเลือกวิธีรักษาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังด้วยการฉายแสงอาทิตย์เทียม หรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รักษาหายขาดไหม
โรคนี้มักเป็นเรื้อรัง อาการของโรคมักเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังร้อยละ 60 จะปรากฏอาการก่อนอายุ 1 ปี ประมาณร้อยละ 85 จะปรากฏอาการก่อนอายุ 5 ปี และอาการมักจะดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย อาการจะดีขึ้นเมื่ออายุ 10 ปี
ส่วนผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมีเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่อาจจะยังคงมีอาการจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ดังนั้นผู้ปกครองและผู้ป่วยจึงไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหา
หากใครมีผื่นคันหรือสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ทางผิวหนัง ก็รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนัง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น และควรดูแลตัวเองให้ดีตามข้อควรปฏิบัติที่เราได้แนะนำไป ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการกำเริบของโรคได้
บทความที่เกี่ยวข้องกับผื่นคัน
– ผื่นคัน-แสบผิวหนัง รักษาไม่ยาก…10 ของใกล้ตัวช่วยได้นะ – โรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อ มีอะไรบ้าง ผื่นคันแบบนี้ป่วยโรคอะไร
– หน้าเป็นผื่นแดง อาจเป็นผื่นแพ้ต่อมไขมัน ที่มักเข้าใจผิดกันว่าเป็นสิว !
– โรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อ มีอะไรบ้าง ผื่นคันแบบนี้ป่วยโรคอะไร
ขอบคุณข้อมูลจาก : สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาคุ้มกันแห่งประเทศไทย, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ผื่นผิวหนัง (Rash) เกิดจากความผิดปกติในด้านสีและสัมผัสของผิวหนัง มักจะเกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองที่บริเวณนั้นๆ และเกิดจากหลายโรค ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคหรือความผิดปกติของผิวหนังเพียงอย่างเดียว
1.ผื่นแดงนูน (Maculopapular rash) เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในบรรดาผื่นทั้งหมด มักมีลักษณะเป็นสีแดง ชมพู หรืออาจจะออกม่วง ขนาดมีทั้งใหญ่และเล็ก เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าบริเวณที่มีอาการนั้นนูนกว่าบริเวณโดยรอบ อาจมีอาการคันร่วมด้วย ผื่นชนิดนี้เกิดจากหลายสาเหตุ โดยมากมักเกิดจากอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการแพ้โดยตรง จากสารก่ออาการแพ้ที่มาสัมผัสผิว หรือการแพ้ที่เกิดขึ้นจากการกินสารก่อภูมิแพ้เข้าไป อาทิ แพ้อาหารทะเล แพ้ยา เป็นต้น
2.ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema dermatitis, Atopic dermatitis) มีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรูปแบบของผื่นแดง มักขึ้นที่ผิวหนังบริเวณด้านนอกของข้อพับ เช่น บริเวณหัวเข่าหรือข้อศอก แต่ก็อาจพบที่อื่นได้เช่นกัน เช่น ลำตัว ลำคอ หรือศีรษะ ผื่นชนิดนี้มักจะมีขุยยาวเหมือนผิวแห้งลอก และมักมีอาการคัน ไม่มีสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด แต่มักเกิดจากความเครียดหรือการพักผ่อนน้อย และมีอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวหนังได้เช่นกัน
3.ผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis) ผื่นชนิดนี้มักจะขึ้นเฉพาะที่ เป็นแค่บริเวณที่สัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีอาการแสดงได้หลากหลายตั้งแต่เป็นผื่นแดงนูนธรรมดา ไปจนถึงมีตุ่มน้ำใส หรือมีหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน มักเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสารก่อภูมิแพ้
การดูแลตัวเองเมื่อเกิดผื่นคัน
สำหรับผื่นโดยทั่วไปมักจะไม่มีอันตรายร้ายแรง หรือถึงแก่ชีวิต แต่สร้างความรำคาญและทำให้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
- หลีกเลี่ยงสาเหตุของการเกิดผื่น ไม่ว่าจะเป็นสารก่อการระคายเคืองที่ผิวหนังโดยตรง เช่น น้ำหอม โลชั่น หรือสารเคมีต่างๆ หรือการกินสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น อาหารทะเล เป็นต้น
- งดการเกาและการขูดขีดผิวหนังบริเวณนั้นๆ ผิวที่เกิดผื่นเป็นผิวที่บอบบางและอ่อนแอเป็นพิเศษ การแกะเกาหรือขูดขีดนอกจากจะมีโอกาสสูงที่จะทำให้ผื่นลามแล้ว ยังเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนในบริเวณนั้นได้มากขึ้นอีกด้วย
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การใช้สบู่อ่อนทำความสะอาดผิว ทาครีมหรือโลชั่น ที่ช่วยบรรเทาอาการ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการ “ซีเอ็ม ซูธิง เซรั่ม ทริปเปิ้ล สเทรงธ วิธ เพนตาไวติน”
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้า และผิวกาย สำหรับผิวที่บอบบางแพ้ง่าย และแห้งมากเป็นพิเศษ ฟื้นฟูผิวหนังที่อักเสบ ผิวที่ถูกสารเคมี สารสเตียรอยด์ ช่วยให้ผื่นผดผื่นแดง ผื่นคันอักเสบ การบวมแดง อาการคัน ลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 12 ชั่วโมง ด้วยเนื้อเซรั่มที่มีคุณสมบัติพิเศษบางเบาซึมซาบสู่ผิวได้ดี ช่วยปลอบประโลม ฟื้นฟูสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง สูตรปราศจากพาราเบน สเตียรอยด์ น้ำหอม ซิลิโคน สี ใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่มีผลข้างเคียงทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่
“ซีเอ็ม ซูธิง เซรั่ม ทริปเปิ้ล สเทรงธ วิธ เพนตาไวติน”
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบ DERMATOLOGICALLY TESTED ที่ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่อผิวภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีสารประกอบทางการแพทย์ที่เหมาะสมและผ่านการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Patch Test โดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนังกลุ่มตัวอย่างที่ใช้จริงแล้ว
สั่งซื้อสินค้า
รีวิวจากลูกค้าเรา
ปัญหาผิวเรื่องใหญ่ของหลายคนไม่ว่าจะเพศอะไรคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “สิว” ปัญหาเรื้อรังที่จัดการได้ยาก ทำลายความมั่นใจ พอหายแล้วก็ยังทิ้งรอยสิวและหลุมสิวไว้อีกนาน หลายคนอยากมีผิวขาว ดูมีสุขภาพดี จึงหมั่นรับประทานวิตามินซี และวิตามินบำรุงผิวอื่น ๆ แต่ไม่ว่
รู้จัก “ผื่นคัน” แต่ละประเภทและวิธีการรักษาผื่นคันอย่างถูกวิธี
“ผื่นคัน” เป็นอาการผิดปกติทางผิวหนัง สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท ในปัจจุบันผิวของเรามีแนวโน้มที่จะระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้นด้วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ฝุ่น ควัน มลภาวะ รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดผื่นคันตามตัว ผื่นขึ้นหน้า เกิดผื่นคันเกาแล้วลามจนน่าหนักใจ มาทำความรู้จักผื่นคันแต่ละประเภท สาเหตุ พร้อมวิธีรักษาผื่นคันกันเลย
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ดูแลตัวเองยังไงดีไม่ให้อาการกำเริบบ่อย ๆ
หากไม่มีปัจจัยกระตุ้นให้โรคกำเริบ ผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังก็จะมีภาวะโรคสงบ ไม่มีอาการคันบนผิวหนัง ไม่มีตุ่มคันขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งหากอยากมีภาวะโรคสงบนาน ๆ เราสามารถดูแลตัวเองด้วยข้อปฏิบัติตามนี้เลยค่ะ
– หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบมากขึ้นดังที่กล่าวไปข้างต้น
– หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นซึ่งจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง และควรเลือกใช้สบู่ที่อ่อยโยนต่อผวหนัง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
– ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะแก่ผู้มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
– การทามอยซ์เจอไรเซอร์ หรือโลชั่น ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง และแนะนำให้ทาหลังอาบน้ำทันที ถ้าผิวหนังยังแห้งมากควรทาเพิ่ม สามารถทาได้วันละหลายครั้ง
– ควรเลือกผงซักฟอกชนิดที่ระคายเคืองน้อย และควรซักล้างออกให้หมดก่อนนำเสื้อผ้ามาใส่
– ควรเลือกใช้เสื้อผ้าเนื้อนุ่ม โปร่งสบาย เช่น ผ้าแพร ผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงผ้าขนสัตว์
– หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก ๆ
– ลดความเครียด ความวิตกกังวล
– ไม่ควรแกะ เกา บริเวณตุ่มคันหรือตามผิวหนัง เนื่องจากการเกาจะทำให้ผื่นผิวหนังที่อักเสบกำเริบเห่อมากขึ้น หรือก่อให้เกิดอาการติดเชื้อขึ้นได้
– ป้องกันและรักษาผิวแห้งโดยดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมทั้งรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ประเภทของผื่นคัน
ผื่นคันมีหลายรูปแบบตามสามารถแบ่งประเภทผื่นคันได้ดังนี้
ผื่นลมพิษ (Urticaria)
ผื่นลมพิษ (Urticaria) มีลักษณะเป็นผื่นนูนแดง เป็นปื้น สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายทั้งลำตัว แขน ขา หรือใบหน้า มักจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง และมักพบในช่วงวัยตั้งแต่ 20 – 40 ปี ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการหายใจไม่ออกร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุเพิ่มเติม
ผื่นแบบมีจุดเลือด (Vasculitis)
ผื่นแบบมีจุดเลือดมักมีลักษณะเป็นลายเส้นเลือดฝอยแตก เป็นผื่นแดง นูน มักพบบริเวณขา บางรายอาจไม่ทราบสาเหตุการเกิดผื่น อย่างไรก็ตามพบว่ากลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune Disease) เช่น โรคเอสแอลอี วัณโรค เชื้อแบคทีเรียบางประเภท และเชื้อไวรัสตับอักเสบ เป็นสาเหตุของการเกิดผื่นแบบมีจุดเลือดได้เช่นกัน
ผื่นพองตุ่มใส มีน้ำด้านใน (Vesiculobullous Eruption)
ผื่นคันประเภทนี้มีลักษณะเป็นผื่นคันที่เป็นตุ่มและมีน้ำใส ๆ อยู่ด้านในกระจายทั่วลำตัว ผื่นพองตุ่มใสมักเกิดขึ้นจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านตนเอง Autoimmune Bullous Disease
- พันธุกรรม
- การแพ้ยา
- การติดเชื้อ เช่น เริม อีสุกอีใส
- การสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง เช่น สารเคมี
- การเสียดสีที่ผิวหนัง
- โรคบางอย่าง โรคเบาหวาน โรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis) และโรคพอร์ไฟเรีย (Porphyria)
ผื่นแดงคัน (Morbilliform)
เป็นผื่นคันที่พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นผื่นแดงหรือตุ่มใสขึ้นตามตัวร่วมกับอาการคัน มักมีสาเหตุมาจากแมลงสัตว์กัดต่อย โรคผิวหนัง สัมผัสกับสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ เครื่องสำอาง แพ้ฝุ่น แพ้ยา เป็นต้น
นอกจากการสัมผัสปัจจัยภายนอก ปัจจัยในเรื่องความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็นสาเหตุของการเกิดผื่นคันประเภทนี้ได้เช่นกัน หากเกิดผื่นแดงคันควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุต่อไป
ผื่นแดง เป็นเส้นใย (Livedo Reticularis)
ผื่นคันประเภทนี้มีลักษณะเป็นผื่นจ้ำเลือด มีลายเป็นร่างแหกระจายทั่วขา ใบหน้า มือ เท้า ก้น มักเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ป่วยอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัด ผื่นประเภทนี้มักไม่ทำให้เจ็บปวดและสามารถหายได้เอง ทั้งนี้อาการใกล้เคียงกันนี้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ
ผื่นตุ่มใส แข็ง (Dyshidrotic Eczema)
ผื่นคันชนิดตุ่มใสแข็ง มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสมักพบบริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า ผู้ป่วยจะรู้สึกคัน และมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ มักจะกลับมาเป็นซ้ำ หากเกาอย่างรุนแรงอาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้ ผื่นตุ่มใสมักเกิดกับผู้ป่วยที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี สาเหตุที่พบเกิดจากความเครียด โรคภูมิแพ้ หรือการสัมผัสสารเคมีมากเกินไป เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม สบู่ เป็นต้น
สาเหตุของผื่นคัน
สาเหตุของผื่นคันนั้นเกิดขึ้นได้ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้
- ผื่นคันที่เกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อย
- โรคทางผิวหนังต่าง ๆ เช่น ลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย สะเก็ดเงิน กลาก เกลื้อน ผิวแห้ง ผื่นระคายสัมผัส หรืออีสุกอีใส เป็นต้น
- โรคภูมิแพ้ เช่น ผื่นแพ้อากาศ ฝุ่น น้ำ อาหาร สารเคมี เครื่องสำอาง ครีมบำรุง เสื้อผ้า ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือสิ่งอื่น ๆ
- โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า เครียด
- การตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้เกิดผื่นคันบริเวณหน้าท้อง หรือต้นขา
- ผลจากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดบางชนิด
- การรักษามะเร็งบางชนิด เช่น การได้รับยาเคมีบำบัด การฉายรังสี การปลูกถ่ายไขกระดูก
- โรคทางระบบประสาท เช่น โรคงูสวัด เบาหวาน ปลายประสาทอักเสบ
- มีพยาธิในร่างกาย
หากยังไม่สามารถหาสาเหตุที่มาของผื่นได้ ควรรีบพบแพทย์อย่าปล่อยไว้นาน
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง กับปัจจัยกระตุ้นอาการที่ต้องระวัง
ปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการผื่นภูมิแพ้ตามผิวหนังกำเริบ มีดังต่อไปนี้
– สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อากาศร้อน อากาศเย็น การอาบน้ำร้อน และสภาพอากาศที่แห้ง ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผื่นคันเห่อขึ้นได้
– สภาวะแวดล้อมสุ่มเสี่ยง เช่น การอยู่ในพื้นที่ที่มีละอองเกสร แมลง ขนสัตว์ ไรฝุ่น สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดผื่นคันมากขึ้น
– ฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว อาการผื่นคันจะเห่อมากขึ้นเนื่องจากอากาศแห้ง อุณหภูมิที่หนาวเย็น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิวแห้ง ก่อให้เกิดอาการคันตามผิวหนังได้ง่าย หรือผู้ป่วยบางรายมีอาการกำเริบในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากเหงื่ออกเยอะ ก่อให้เกิดอาการคันและมีผื่นขึ้นตามผิวหนังได้
– สารเคมีรอบตัวที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม สบู่ ครีม โลชั่น โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ สารเคมีแฝงในของใช้ใกล้ตัวเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นด่าง สามารถละลายไขมันบนผิวหนัง ก่อให้เกิดภาวะผิวแห้ง และมีผื่นคันตามมา
– อาหารบางชนิด เช่น นม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล ซึ่งผู้ป่วยบางคน (ประมาณ 10%) พบว่ามีอาการแพ้อาหารดังกล่าว
– เนื้อผ้าบางชนิดที่ระคายเคืองต่อผิว โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์
– ความเครียด
– การพักผ่อนไม่เพียงพอ
– เชื้อโรค ทั้งเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ก็มีส่วนกระตุ้นให้อาการกำเริบขึ้นได้ ที่สำคัญเชื้อโรคยังเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ การอักเสบบนผิวหนังที่มีรอยโรค ให้อาการผื่นคันกำเริบมากขึ้น
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดจากอะไรได้บ้าง
ผื่นแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคที่เกิดจากผิวหนังมีการอักเสบเรื้อรัง จากปฏิกริยาทางภูมิแพ้ โดยพบโรคนี้ได้บ่อยในเด็ก และมักพบในผู้ที่มีแนวโน้มทางพันธุกรรมอยู่เป็นพื้นฐาน กล่าวคือ อาการผื่นคันที่เกิดขึ้นมักจะไม่ใช่อาการของโรคติดต่อ หรือเกิดผื่นคันจากการขาดสุขอนามัยที่ดี แต่เกิดมาจากร่างกายของผู้ป่วยมีภูมิที่ไวต่อการตอบสนองต่อปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ มากเกินไป
โดยมักพบว่า ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ผิวหนัง อาจจะมีอาการภูมิแพ้อื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แพ้อากาศ จามบ่อย ๆ เยื่อบุจมูกและเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ และหอบหืด เป็นต้น และอาการผื่นคันและ/หรือร่วมกับอาการภูมิแพ้อื่น ๆ ดังข้างต้น มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะในสภาพอากาศที่ร้อนจัด อากาศเย็น อากาศแห้ง หรืออากาศชื้น
อย่างไรก็ตาม โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังสามารถเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ในเคสนี้จะพบว่ามีความผิดปกติอยู่ในยีนของคนในครอบครัวโดยไม่เกิดอาการแสดงเป็นอาการแพ้ทางร่างกาย แต่อาการกลับมาแสดงกับตัวผู้ป่วยเพียงคนเดียว เนื่องจากมียีนพันธุกรรมของภาวะไวต่อสิ่งเร้าอยู่นั่นเอง
อาการผื่นคันแบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที
อย่านิ่งนอนใจผื่นคัน หากมีอาการดังนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
- รู้สึกคันมากจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทำให้นอนไม่หลับ หรือใช้ชีวิตปกติได้อย่างยากลำบาก
- มีผื่นร่วมกับมีอาการปวดอย่างรุนแรง
- มีผื่นเป็นตุ่มน้ำใสบริเวณรอบดวงตา ปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ
- บริเวณที่เป็นผื่นมีหนองร่วมด้วย
- เป็นผื่นคันนานกว่า 2 สัปดาห์
- เป็นผื่นคันโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีผื่นร่วมกับภาวะมีไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
วิธีป้องกันผื่นคัน
- ไม่เปลี่ยนสกินแคร์หรือเครื่องสำอางบ่อย ๆ เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ วิธีหนึ่งที่สามารถทดสอบการแพ้ได้คือการทาผลิตภัณฑ์ที่ท้องแขนหรือหลังทิ้งไว้ประมาณ 48 ชั่วโมงก่อนใช้ เพื่อดูว่ามีผื่นแพ้หรือรอยแดงเกิดขึ้นหรือไม่
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นเพราะจะทำให้ผิวแห้งคัน
- ทาออยล์หรือโลชันหลังอาบน้ำเสร็จเป็นประจำเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- หลีกเลี่ยงการเกาเมื่อเกิดผื่นคันเพราะอาจทำให้เกิดแผลจนทำให้ติดเชื้อได้
- ไม่ควรอยู่ในที่ ๆ มีอากาศหนาวและแห้งตลอดเวลา
- ซักทำความสะอาด เปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาการเป็นอย่างไร
อาการสำคัญของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะสังเกตได้ว่า ผู้ป่วยมักจะมีผิวแห้ง มีอาการคันบนผิวหนังมาก ๆ ผื่นที่ขึ้นจะเป้นผื่นแดงหรือมีตุ่มแดงนูน ซึ่งหากเกาผื่นจะยิ่งลุกลามมากขึ้น ทั้งนี้อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง สามารถแยกอาการแสดงตามกลุ่มอายุของผู้ป่วยได้เช่นกัน โดยแบ่งอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
วัยทารก
ทารกระหว่างอายุ 2 เดือน-2 ขวบ มักจะเริ่มพบผื่นแดง คัน มีตุ่มแดงและตุ่มน้ำเล็ก ๆ อยู่ในผื่นแดงนั้น โดยส่วนมาจุดที่พบตุ่มคันจะพบได้ที่แก้ม หรืออาจพบผื่นคันขึ้นลามไปตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ลำตัว ข้อศอก เข่า (บริเวณที่เด็กคลาน ถูไถ สัมผัสกับพื้นหรือที่นอน) และในรายที่เป็นมาก ๆ อาจพบผื่นภูมิแพ้ขึ้นทั่วร่างกายได้
วัยเด็ก
อายุระหว่าง 2-12 ปี มักจะพบว่ามีตุ่มนูนแดงแห้ง ๆ มีขุยเล็กน้อย และผื่นเหล่านั้นจะคันมาก มักพบผื่นคันได้บ่อยบริเวณรอบคอ ข้อพับด้านในของแขนและขา และหากผู้ป่วยเกาจนเกิดการถลอกบนผิวหนัง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียในรอยโรคได้
วัยรุ่นและผู้ใหญ่
มักพบผื่นคันบริเวณรอบคอ ข้อพับแขน ขา และตามผิวหนังที่มีการเสียดสีกับเสื้อผ้า โดยลักษณะผื่นจะคล้าย ๆ กับผื่นที่เกิดในวัยเด็ก ซึ่งในรายที่เป็นมาก ๆ ผื่นอาจจะเกิดทั่วร่างกายได้เช่นกัน ที่สำคัญผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในวัยผู้ใหญ่มีแนวโน้มที่จะเกิดผิวหนังอักเสบบริเวณมือได้ง่าย
อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักจะเป็นเรื้อรัง กล่าวคือ จะมีช่วงที่อาการกำเริบ มีผื่นคันเห่อแดงขึ้นตามผิวหนัง สลับกับช่วงภาวะโรคสงบ คือไม่เกิดอาการผื่นคันใด ๆ ตามร่างกาย ซึ่งภาวะอาการกำเริบก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น
ผื่นคัน คืออะไร
“ผื่นคัน” หรือผื่นแพ้เป็นลักษณะอาการทางผิวหนังอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหรือลักษณะผิว (color or texture) ในลักษณะบวม แดง มีผื่น และรู้สึกคันได้ ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองหลังสัมผัสปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น อากาศ ฝุ่น น้ำ อาหาร สารเคมี เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว เสื้อผ้า ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ร่างกายเกิดการแพ้จนทำให้ระคายเคือง เกิดตุ่มแพ้ง่ายหรือผื่นคันตามมาได้
1772
บริการ
ค้นหาแพทย์
นัดหมาย
แนะนำบริการ
แพ็กเกจ & โปรโมชั่น
ศูนย์ทางการแพทย์
ชำระค่าบริการ
บทความ
บทความสุขภาพ
วิดีโอ
จากใจผู้ใช้บริการ
เกี่ยวกับเรา
ข้อมูลโรงพยาบาล
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ผู้บริหารโรงพยาบาล
รางวัล
ติดต่อเรา
ข่าวสาร
กิจกรรม
ร่วมงานกับเรา
th
English
th
English
บริการ
ค้นหาแพทย์
นัดหมาย
แนะนำบริการ
แพ็กเกจ & โปรโมชั่น
ศูนย์ทางการแพทย์
ชำระค่าบริการ
บทความ
บทความสุขภาพ
วิดีโอ
จากใจผู้ใช้บริการ
เกี่ยวกับเรา
ข้อมูลโรงพยาบาล
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ผู้บริหารโรงพยาบาล
รางวัล
ติดต่อเรา
ข่าวสาร
กิจกรรม
ร่วมงานกับเรา
สาขาโรงพยาบาล
พญาไท 1
พญาไท 2
พญาไท 3
พญาไท นวมินทร์
พญาไท ศรีราชา
โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
พญาไท 2
1 นาที
พ. 25/03/2020
แชร์
ผื่นคันบนผิวหนังแบบเป็น ๆ หาย ๆ เหมือนเป็นคนผิวแพ้ง่าย และผื่นคันจะเห่อเป็นช่วง ๆ อาการผื่นคันอย่างนี้อาจส่อโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แห้ง คัน เกา เรื้อรัง ต้องรักษา
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรืออาการผิวแห้ง คันมาก เป็นเรื้อรังแบบเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย อาการแบบนี้ไม่ใช่แค่ผื่นคันธรรมดานะคะ โดยเฉพาะคนที่เป็นผื่นคันค่อนข้างบ่อย เรียกว่าอยู่กับอาการผิวแห้ง คัน เกา จนเป็นวงจรไม่หยุดหย่อนมาโดยตลอด ในเคสแบบนี้ต้องบอกว่าอาการผื่นคันที่คุณเป็นอยู่นั้นอาจเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่ควรต้องเข้ารับการรักษา และควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยลดความถี่ของการเกิดผื่นคันบนผิวหนังไม่ให้เกิดกับเราบ่อย ๆ ได้
และวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีข้อมูลเรื่องโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมาให้ทำความเข้าใจ ตั้งแต่ประเด็นสาเหตุของการเกิดโรค อาการผื่นภูมิแพ้ การรักษา และการดูแลผิวแพ้ง่ายอย่างถูกต้อง
สรุปเรื่องผื่นคัน
ผื่นคันเป็นปัญหาน่าหนักใจของใครหลายคน ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตและอาจกระทบต่อการพักผ่อน ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน หากไม่ได้รับการรักษาให้ตรงจุดก็ยิ่งใช้เวลาในการรักษานานหลายเดือนจนกว่าอาการจะดีขึ้น BeDee มีทีมแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกร พร้อมให้คำปรึกษาออนไลน์ สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee’s experts
ภญ.สิริยาภรณ์ รักษาเชื้อ
เภสัชกร
WebMD. Rashes. สืบค้น 4 กรกฎาคม 2566. จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/common-rashes
MedlinePlus. Rash evaluation. สืบค้น 4 กรกฎาคม 2566. จาก https://medlineplus.gov/lab-tests/rash-evaluation/
American cancer society. Skin Rash. สืบค้น 4 กรกฎาคม 2566. จาก
https://www.cancer.org/cancer/managing-cancer/side-effects/hair-skin-nails/skin-rash.html
NHS inform. Hives. สืบค้น 4 กรกฎาคม 2566. จาก https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/skin-hair-and-nails/hives
ผื่น หรือบางทีเรียกรวม ๆ กันว่า ผดผื่น ตามนิยมของคนทั่ว ๆ ไป หมายถึง ลักษณะอาการทางผิวหนัง ที่เกิดจากสภาวะของร่างกายปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน อุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถปรับตัวได้ทันท่วงที จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหงื่อปริมาณที่มากขึ้น ไปอุดตันรูขุมขนเป็นสาเหตุทำให้เกิดตุ่มน้ำเล็ก ๆ จนกลายเป็นผดผื่นที่ทำให้เกิดอาการคันแดง ตามข้อพับ หรือที่อับชื้นบนร่างกาย
แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้นสาเหตุของการเกิดผื่นมีอีกมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งบางชนิดหากไม่ได้รับการวินิจฉัย และแก้ไขอย่างถูกวิธีแต่เนิ่น ๆ อาจเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย
วันนี้เราจึงรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผื่นที่พบได้บ่อย และพบได้ทั่วไปในคนไทยมาฝากกัน พร้อมวิธีการประเมินความรุนแรงด้วยตนเองเบื้องต้น จะได้ไม่ปล่อยให้ผื่นเหล่านี้ลุกลามจนยากที่จะแก้ไข…
– ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ แก้ได้ด้วย 9 วิธีนี้ คันแค่ไหนก็เอาอยู่!– ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าฝน! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา– ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ดูแลรักษายังไงดี ?
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังมีผื่น
ผื่น เป็นลักษณะอาการที่สามารถสังเกตเห็นได้โดยตาเปล่า และแม้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็สามารถสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบนผิวหนังภายนอกร่างกายได้โดยไม่ยาก โดยทั่วไปแล้วผื่นยังสามารถแบ่งออกได้ง่าย ๆ เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ ตามบริเวณที่แสดงอาการ
1. ผื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะจุด (Localized) เช่น ผื่นเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แขน ขา หรือเฉพาะข้อเท้า มักจะเกิดจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของการอุดตันของต่อมเหงื่อ จากสภาวะสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เกิดจากการเป็นภูมิแพ้ผิวสัมผัส รวมถึงการสัมผัสกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งผื่นในกลุ่มนี้มักจะเกิดเฉพาะจุด มีขอบเขตบริเวณที่ชัดเจนสังเกตได้โดยตาเปล่า
2. ผื่นที่เกิดกระจัดกระจายตามตัว (Generalized) ผื่นในลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่ เป็นผื่นที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น การแพ้ยา แพ้อาหาร ลักษณะอาการของโรคบางชนิด หรือแม้แต่การติดต่อรับเชื้อบางอย่างที่เข้าไปในร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดอาการตอบสนองต่อเชื้อนั้น ๆ ดังเช่นที่คงได้เคยได้ยินกันมาในเร็ว ๆ นี้ว่า ผื่น เป็นลักษณะแสดงออกชนิดหนึ่งของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19)
วิธีสังเกตอาการผื่นทั้ง 6 ประเภท
1. ผื่นคันแดงตามตัว Exanthematous (Morbilliform)
หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Rash เป็นลักษณะของผื่นที่พบได้ทั่วทั้งตัว และพบได้บ่อยสุด โดยผิวหนังบริเวณที่มีอาการคันจากเปลี่ยนสีเดิมโดยอาจมีสีแดง มีผื่น และอาการคันเป็นจุดแดง ๆ หรือตุ่มใส บางครั้งอาจมีการตกสะเก็ดตามมา
สาเหตุของอาการผื่นคันนั้นมีหลากหลาย เช่น เกิดจากโรคผิวหนังที่มีอาการคันเรื้อรัง และมีอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น
- การทานอาหารรสเผ็ด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อยู่ท่ามกลางแสงแดด และมลภาวะ อย่างฝุ่น PM 2.5
- ความเครียด
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- รวมถึงโรคผิวหนังบางชนิด เช่น กลาก (Ringworm)
- การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น น้ำยาทำความสะอาด การสัมผัสกับผ้าอ้อม
- รวมถึงอาการข้างเคียงที่เกิดจากการแพ้ยา (Drug Allergy)
ผื่นคันแดงชนิดแรกนี้บางครั้งอาจจะเกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น หมัด เห็บกัด ได้เช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าสาเหตุของอาการผื่นคันนั้นมีมากมาย
หลักสำคัญที่อยากแนะนำคือการจดบันทึก อาการและสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้คันต่าง ๆ ไว้เป็นสมุดบันทึกของตนเอง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยง โอกาสในการสัมผัส และกระตุ้นให้เกิดอาการผื่นแพ้คันดังกล่าวในอนาคตนั่นเอง หรือหากอาการมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยไม่ปล่อยให้ลุกลามจนเกิดเป็นแผลติดเชื้อต่าง ๆ ตามมาเนื่องจากการเกาบริเวณที่คัน
2. ผื่นลมพิษ หรือบางครั้งเรียกโรคลมพิษ (Urticaria)
เป็นลักษณะอาการทางผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่แสดงออกมาในรูป ผื่น หรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุย สามารถมีขนาดตั้งแต่เล็กเพียง 0.5 จนถึงใหญ่ราว10 ซม. โดยปกติจะมีอาการคันร่วม และเกิดขึ้นอย่างเร็ว และกระจายตามตัว แขนขา แต่จะปรากฎอยู่เพียงชั่วขณะ โดยมากมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นลมพิษ เหล่านั้นก็จะราบไปโดยไม่มีร่องรอย สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้บ่อย ๆ ในคนที่เป็นโรคประจำตัว
โดยหลักสำคัญควรหมั่นสังเกตอาการ ความผิดปกติของอาการว่ารุนแรงเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ปวดท้อง แน่นจมูกลำคอ หายใจไม่สะดวก รวมถึงอาการหอบหืด เป็นลมจากความดันโลหิตต่ำได้ ร่วมด้วยเวลาที่เกิดลมพิษ หรือไม่ ซึ่งหากพบอาการเพิ่มเติมดังที่กล่าวมานั้นก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
3. ผื่นตุ่มน้ำพองใส (Vesiculobullous Eruption)
มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือถุงน้ำใส ๆ สามารถพบกระจายอยู่ตามตัวโดยทั่วไป คล้ายผื่นสุกใส สาเหตุ และปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นตุ่มน้ำพองใสนั้น อาจเกิดจาก…
– การที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านตนเอง ( Autoimmune bullous disease ) ทำให้ผิวหนังเกิดการแยกชั้น และมีตุ่มน้ำพองที่ผิวหนัง และที่บริเวณเยื่อบุต่าง ๆ
– เกิดจากพันธุกรรม ( bullous genodermatosis )
– เกิดจากการติดเชื้อ ( infectious cause ) บางชนิด เช่น โรคเริม ( Herpes ) โรคอีสุกอีใส หรือโรคงูสวัดจากเชื้อ Varicella-Zoster virus, Staphylococcus aureus ทำให้เกิดโรคพุพอง ( Bullous impetigo )
– การสัมผัสกับสารที่ก่อการระคายเคือง ( irritant contact dermatitis ) สารเคมี chemical burn, electrical injury, การเสียดสี ( friction ) จนมีอาการคัน และผื่นแดงในบริเวณที่ได้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นทางกายภาพ ในระดับอาการที่รุนแรง ส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำพองที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
– รวมถึงภาวะผิดปกติทางเมตาบอลิกต่าง ๆ เช่น เบาหวาน amyloidosis, porphyria ที่ส่งผลให้กระบวนการเมตาบอลิกเกิดความผิดปกติจนก่อให้เกิดตุ่มน้ำพองขึ้นมาได้นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าผื่นตุ่มน้ำพองใสนี้ มีลักษณะอาการร่วมที่คล้ายคลึงกับผื่นคันแดงตามตัว แต่การเกิดตุ่มน้ำพองขึ้นนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ระดับความรุนแรงของอาการที่คุณไม่ควรนิ่งนอนใจ และควรเข้าปรึกษาแพทย์หาก มีการต่อเนื่องเรื้อรัง
4. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic Eczema)
ผื่นลักษณะพิเศษ ชนิดนี้พบมากในเด็ก และผู้ที่มีอายุน้อย เป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่มักจะเป็นเรื้อรัง เป็น ๆหาย ๆ โดยผื่นจะมีลักษณะตุ่มใส ๆ แข็ง ๆ เกิดที่ฝ่ามือฝ่าเท้า หรือด้านข้าง ๆ นิ้วมือหรือ นิ้วเท้าโดยผื่นชนิดนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ หรือภาวะการระคายเคือง หรือ การแพ้สารสัมผัสก็ได้
ลักษณะโดยทั่วไปที่ตรวจพบ จะมี ตุ่มใส ๆ แข็ง ๆ เกิดที่ฝ่ามือฝ่าเท้า หรือด้านข้าง ๆ นิ้วมือหรือ นิ้วเท้า หรือ ตุ่มอาจจะพองจนมีขนาดใหญ่หลายเซนติเมตรได้ อาจจะมีการคัน ส่วนใหญ่น้ำใส ๆ ด้านในอาจจะเปลี่ยนเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซ้ำซ้อน และลอกเป็นเป็นแผ่นหนา ๆ ออกไป
โดยปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ อาจจะเกิดจาก การระคายเคืองจากสารต่าง ๆ เช่น แอลกอลฮอล์เจล หรือล้างมือบ่อยเกินไป อย่างเช่นที่หลายคนในเวลานี้อาจเคยพบประสบกับตนเอง
นอกจากนั้นแล้วยังอาจเกิดจากการแพ้สารสัมผัสบางชนิด เช่น เครื่องประดับ น้ำหอม สารกันบูดในผลิตภัณฑ์สำหรับผิว หรือแม้แต่เกิดจากการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ซ้ำซ้อนบ่อย ๆ เป็นประจำก็ทำให้ตัวโรคกำเริบได้
ซึ่งหากพบว่าเป็นมาก หรือถี่ผิดปกติ ควรพิจารณาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาอื่น ๆ ต่อไป เช่น การรับประทานยาสเตียรอย ยากดภูมิคุ้มกัน ฉายแสงแดดเทียม ฉีดโบทูลินั่มท๊อกซินลดเหงื่อ
5. ผื่นแดงตาข่าย หรือเส้นใยเล็กๆ (Livedo Reticularis)
เกิดจากโรคหลอดเลือดอักเสบ ทำให้ระบบไหลเวียนของเส้นเลือดไหลช้า เกิดลักษณะอาการตัวลาย ๆ คล้ายมีตาข่ายคลุมอยู่บริเวณผิวหนัง ผื่นในลักษณะดังกล่าวพบไม่ค่อยได้บ่อย อาจมีลักษณะเป็นผื่นนูนเป็นจ้ำเลือด ที่เรียกว่า Purpura หรือผื่นลายรูปร่างแหที่เรียกว่า Livedo reticularis ตลอดจนการมีตุ่มกดเจ็บใต้ผิวหนัง หรืออาจเกิดเป็นแผลเรื้อรัง หรือมีการตายของเนื้อเยื่อได้
หากเกิดการขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย เช่น ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ใบหูหรือปลายจมูก เป็นต้น ซึ่งผื่นชนิดนี้เกิดจากปัจจัยความผิดปกติของระบบเลือดในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น
6. ผื่นจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (Vasculitis)
ที่เกิดจากโรคหลอดเลือดอักเสบ (Cutaneous vasculitis) เป็นผื่นที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยอักเสบ โดยส่วนใหญ่พบบริเวณที่ขาเป็นหลัก และอาจกระจายทั่วทั้งขา เป็นอาการผิดปกติของหลอดเลือดในระดับที่รุนแรงกว่าประเภทที่ 5
โดยอาการ และอาการแสดงที่ผิวหนังมีหลายรูปแบบ เช่น เกิด ตุ่มแดง นูน กดแล้วสีแดงไม่จาง ตุ่มพองมีเลือดออกในตุ่มพองแตกเป็นแผล ผื่นสีม่วงแดงเป็นร่างแห คล้ายตาข่าย ผื่นที่หายอาจเหลือเป็นรอยแผลเป็น หรือหายเป็นผิวหนังปกติ ขึ้นกับการอักเสบของหลอดเลือดที่เกิดขึ้น
โดยสาเหตุการอักเสบของหลอดเลือดที่ผิวหนัง เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ
- เกิดจากปฏิกิริยาการแพ้ยา หรือสารเคมีบางชนิด
- โรคออโตอิมมูน เช่น โรคเอสแอลอี โรคติดเชื้อ เช่น วัณโรค เชื้อแบคทีเรียบางประเภท เชื้อไวรัสตับอักเสบ
- และอาจเกิดโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างแน่ชัด
- ซึ่งการดูแลรักษาอาการผื่นชนิดนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสาระความรู้ เกี่ยวกับผื่นที่พบบ่อยในประเทศไทยที่เรารวบรวมมาฝาก เพราะการเกิดผื่นนั้นสามารถสร้างผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจได้ในหลากหลายระดับ ตั้งแต่เรื่องความกังวลเกี่ยวกับสวยความงาม ความรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว และบุคลิกภาพ ตลอดจนผื่นบางประเภทก็สามารถสร้างความยากลำบากในการดำรงชีวิตให้กับเราได้เช่นเดียวกัน
เราจึงควรหันมาใส่ใจ และให้เวลาดูแลผื่นเล็ก ๆ เหล่านี้สักนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียทางด้านสุขภาพ และด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่อาจจะตามมาจากปัญหาแค่เรื่องผิว ๆ เรื่องผื่น ๆ เรื่องที่ดูเล็กแต่อาจไม่เล็กหากขาดความรู้ความเข้าใจ
อ้างอิง :
www.si.mahidol.ac.th www.skinhospital.co.th https://amprohealth.com https://bupa.co.th http://healthydee.moph.go.th
อาการผื่นคันตามตัว หรือผื่นขึ้นตามตัวเป็นกลุ่มอาการทางผิวหนังที่พบได้บ่อย และมักนำไปสู่การแกะ เกา จนผิวหนังระคายเคือง ผู้ที่มีอาการคันอาจมีผื่นผิวหนังร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่ในคนที่มีผิวแพ้ง่าย บอบบางจะไวต่อการระคายเคืองเป็นพิเศษ จากการสัมผัส หรือต้องเผชิญปัจจัยกระตุ้นต่างๆ อาการคันอาจเป็นเพียงเฉพาะที่หรือเป็นทั่วทั้งตัว และอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ เช่น ทำให้เสียสมาธิ รบกวนการทำงาน การนอน หรือส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ นอกจากนี้ หากมีการแกะ เกาผิวหนังที่เดิมซ้ำๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบริเวณผิวหนังตามมาได้ด้วย
คำที่ใช้บอก อาการป่วย ในภาษาอังกฤษ | Eng ลั่น [By We Mahidol]
Keywords searched by users: ผื่นคัน ภาษาอังกฤษ
Categories: รายละเอียด 21 ผื่นคัน ภาษาอังกฤษ
![คำที่ใช้บอก อาการป่วย ในภาษาอังกฤษ | Eng ลั่น [by We Mahidol] คำที่ใช้บอก อาการป่วย ในภาษาอังกฤษ | Eng ลั่น [by We Mahidol]](https://alophoto.net/wp-content/uploads/2024/01/hqdefault-9.jpg)

















See more here: alophoto.net